ห้ามพลาด!! 11 เมนูอาหารเมื่อไปเยือนยุโรป - Grazie Travel

ห้ามพลาด!! 11 เมนูอาหารเมื่อไปเยือนยุโรป

by Grazie Travel

วัฒนธรรมที่แท้จริงของยุโรป ส่วนนึงที่เราสามารถทำได้คือการลิ้มลองอาหารของประเทศหรือท้องถิ่นนั้น ๆ โดยเฉพาะอาหารของแถบยุโรปที่ขึ้นชื่อเรื่องความหลากหลาย และความอร่อยเฉพาะตัว ที่ทำให้หลายๆ ท่านเมื่อมีโอกาสไปเยือนแล้วก็พลาดไม่ได้  ที่จะต้องลิ้มลองความอร่อย แบบต้นตำหรับ  วันนี้แอดมินได้รวบรวม อาหารที่เดินทางไปเยือนแล้วต้องทานและ อาหารต้นตำหรับของประเทศยุโรป มาให้ทุกๆท่านได้ทราบกันค่ะ   ไปดูกันเลยเมนูอะไรบ้าง

1. ฟองดูชีส (Cheese Fondue)

1. ฟองดูชีส (Cheese Fondue)   สวิตเซอร์แลนด์ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ชีสจะครองอันดับหนึ่ง สวิตเซอร์แลนด์เป็นหนึ่งในประเทศที่สามารถผลิตสินค้าประเทศนมได้ดีที่สุดในโลก ชีสสวิสมีรสชาติหอมมันต่างจากชีสที่ผลิตจากที่อื่น ๆ และฟองดูเป็นอาหารที่ชาวสวิตรับประทานกันในฤดูหนาวมาตั้งแต่สมัยโบราณ เนื่องจากหน้าหนาวเป็นฤดูที่ผลผลิตต่ำ ชาวสวิตจึงนำชีสหลากหลายชนิดที่ทำเตรียมไว้มาอุ่นรวมกันในหม้อพร้อมไวน์ขาวและกระเทียมเสิร์ฟพร้อมกับขนมปังและมันฝรั่งเพื่ออบอุ่นร่างกายและยังเป็นการใช้อาหารที่กักตุนไว้อีกด้วย โดยวิธีการกินฟองดูชีสในแบบสวิสนั้น คือการใช้ไม้ปลายแหลมที่มีลักษณะเหมือนส้อมจิ้มขนมปังหรือมันฝรั่งและจุ่มลงไปในหม้อชีสได้เลย และไม่ได้มีเพียงขนมปังเท่านั้นยังมี เนื้อสัตว์จุ่มน้ำมันอีกด้วยนะคะ และของหวานคือผลไม้จุ่มช็อคโกแลต เพลินมากเลยละคะ ไปถึงสวิสแล้วห้ามพลาดเลย

2.  พิซซ่าต้นตำหรับ

พิซซ่าต้นตำหรับ (Pizza) ค่ะ ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่กลายเป็นอาหารที่คนทั่วโลกต่างก็ต้องรู้จักกันไปเรียบร้อยและเชื่อว่าน้อยคนนักจะไม่เคยทานพิซซ่า อาหารชนิดนี้ถือเป็นอาหารประวัติศาสตร์มีจุดเริ่มต้นมาเกือบ 2 พันปี ซึ่งพิซซ่าที่เราเห็นตามร้านทั่วไปคือการทำให้ตรงกับพื้นที่ของผู้บริโภค ทำให้ตรงความต้องการของผู้บริโภคในบริเวณนั้น แต่ถ้าพูดถึงพิซซ่าดั้งเดิมตามสไตล์อิตาลีจะพลาดพิซซ่ามาการิต้า ไม่ได้เป็นอันขาดค่ะ

3.สปาเก็ตตี้ ซีฟู๊ด

สปาเก็ตตี้ ซีฟู๊ด เมนูนี้มีส่วนผสมไม่เยอะมาก หลักๆ มีเพียงเส้นสปาเก็ตตี้ หอย ปลาหมึก และกุ้ง เท่านั้น แอดมินแนะนำว่า ใครที่ไปเที่ยวอิตาลี อย่าลืมชิมสปาเก็ตตีซีฟู๊ดต้นตำหรับแท้ๆ ให้ได้รู้เลยว่าจะอร่อยสมกับคำร่ำลือกันป่าว

3. หอยเอสคาโก้ อบเนย

Escargot อ่านออกเสียงว่า “แอ็ส-การ์-โก” หรือเอสคาโก้ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารคาวขึ้นชื่อของชาวฝรั่งเศสที่ใครได้มาเยือนถึงประเทศฝรั่งเศสแล้วก็ต้องห้ามพลาดที่จะลิ้มลองรสชาติของเมนูนี้ค่ะ เป็นอาหารเรียกน้ำย่อยจานหรูของฝรั่งเศส ที่อาจจะเป็นอาหารที่แปลกสำหรับคนต่างชาติแต่สำหรับผู้คนในฝรั่งเศสแล้ว นี่คืออาหารยอดฮิตที่มีการบริโภคกันมากถึงสี่หมื่นตันต่อปีค่ะ สำหรับการเตรียมหอยทากเพื่อนำมาทำอาหารนั้น ไม่ว่าจะได้มาจากฟาร์มเพราะเลี้ยงหรือตามธรรมชาติ ส่วนใหญ่แล้วคนทำอาหารมักจะต้องนำหอยทากมาขังเพื่อให้อดอาหารและขับของเสียในตัวหอยออกหมดก่อนที่จะนำมาทำอาหารค่ะ  แต่อย่างไรนั้นที่บ้านเราหอยเอสคาโก้ก็คือเมนูหอยทาก (snail) ดี ๆ นี่เองค่ะ

4. ขาหมูเยอรมัน  เยอรมนี

แค่ชื่อขาหมูก็รู้แล้วใช่ไหมคะว่า ต้องทานที่ประเทศไหน ประเทศเยอรมนีถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจาก นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเป็นอย่างมาก และหนึ่งในความโดดเด่นของการไปเยอรมันที่พลาดไม่ได้นั่นคือเรื่องของอาหาร เพราะอาหารของที่นี่นอกจากจะมีวัตถุดิบที่สดใหม่แล้ว ยังเป็นการปรุงรสที่ถือว่าอร่อยเลยทีเดียว 
เมนูแรกที่พลาดไม่ได้! ถ้าไปเยอรมันแล้วต้องได้ไปรับประทาน คือ Schweinshaxe หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “ขาหมูเยอรมัน” เมนูที่ถ้าสั่งในไทยเพียงหนึ่งจานก็รับประทานได้หลายคน แต่สำหรับวัฒนธรรมของชาวเยอรมันแล้วขาหมูเยอรมัน 1 จาน จะรับประทานได้เพียงแค่คนเดียว ดังนั้นถ้าคุณได้ไปรับประทานขาหมูเยอรมันสูตรทอดกรอบที่เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียง คุณจะได้รับขาหมูมา 1 ขา ที่คุณต้องรับประทานเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ส่วนรสชาติขาหมูของที่นี่เป็นสูตรต้นตำรับที่อร่อยเป็นอย่างมาก โดยชาวเยอรมันจะชอบรับประทานเมนูนี้คู่กับเบียร์เย็นๆ ที่ให้รสชาติอร่อยฟินเลยทีเดียวค่ะ

5.ปลาเทร้า ย่างเกลือ

เมื่อนึกถึงปลาเทร้า หลายๆท่านคงจะคิดถึงที่ไหนไปไม่ได้นอกจากทะเลสาบฮัลล์ทัทท์ ออสเตรียใช่ไหมคะ  ปลาเทร้าเป็นปลาน้ำจืด รสชาติดี และเป็นที่นิยมบริโภค ของคนทั่ว ๆ ไป เนื่องจากมีกรดไขมันไม่อิ่มตัว โอเมกา 3 สูง ติด 10 อันดับแรกของปลาทั้งหมด (ปลาเทร้า 100 กรัม มีโอเมกา3 1.0 มิลลิกรัม) กรดไขมันโอเมกา 3 ช่วยลดคลอเรสเตอรอลในร่างกายและประจุอิสระในกระแสเลือด  เป็นปลาที่มีสารอาหารครบถ้วนหาทานได้ง่ายในแถบยุโรปตะวันออก ค่ะแต่ที่จะต้องทานที่ฮัลล์ทัทท์ก็เป็นเพราะว่านอกจากจะได้ลิ้มลองปลาเทร้าแล้ว  ฮัลล์ทัทท์เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่ ในขณะที่ทานท่านจะได้สัมผัสกับอากาศและภูมิทัศน์ ล้อมรอบที่สวยงาม ที่เรียกได้ว่าสวยจนไม่อยากจะกระพริบตา เลยล่ะค่ะ

6.ซุปกูลาช (GULASCH)   

 กูลาช ( goulash) เป็นสตู (หรือซุป) เนื้อสัตว์และผักที่ปรุงรสด้วยผงปาปริกาและเครื่องเทศอื่น ๆโดย ต้นกำเนิดมาจากฮังการีในสมัยกลาง กูลาซเป็นอาหารยอดนิยมซึ่งรับประทานกันเป็นหลักในยุโรปกลาง แต่ก็มีการรับประทานในส่วนอื่น ๆ ของยุโรปเช่นกัน เป็นหนึ่งในอาหารประจำชาติของฮังการีและเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของประเทศฮังการี ที่เมื่อทุกท่านได้มีโอกาสไปเยือนถึงฮังการีแล้ว ก็ต้องห้ามพลาดที่จะลิ้มลอง กูลาซ ค่ะ โดยต้นกำเนิดของกูลาซย้อนไปได้ถึงสตูของคนเลี้ยงแกะชาวฮังการีในคริสต์ศตวรรษที่ 9  ในช่วงนั้น เนื้อสัตว์ที่ปรุงและแต่งกลิ่นรสแล้วจะถูกทำให้แห้งโดยใช้ความร้อนจากแสงอาทิตย์เข้าช่วย จากนั้นจะถูกบรรจุลงในถุงที่ทำจากกระเพาะอาหารของแกะ โดยต้องเติมน้ำเพียงอย่างเดียวเพื่อให้รับประทานได้  กูลาซในยุคเริ่มแรกจะไม่ใส่ผลปาปริก้า เนื่องจากยังไม่มีการนำเครื่องเทศชนิดนี้เข้าสู่โลกเก่าจนกระทั่งคริสต์ศตวรรษที่ 16 ได้นำผงปาปิริกา มาผสมใส่ในซุปจนได้เป็นอาหารต้นตำหรับของฮังการีจนถึงปัจจุบัน ค่ะ

7.วีเนอร์ชนิทเซิล Wiener Schnitzel

วีเนอร์ชนิทเซิล Wiener Schnitzel เป็นหนึ่งในอาหารประจำชาติของประเทศออสเตรีย
ปรุงจากเนื้อวัว (หรือเนื้อสัตว์ชนิดอื่น) หั่นบาง ๆ ชุบเกล็ดขนมปังทอด มีสลัดมันฝรั่งเป็นเครื่องเคียง ที่สำคัญอย่าขอซอสมารับประทานกับอาหารจานนี้เด็ดขาด เพราะเมนูนี้เขานิยมรับประทานแบบไม่ใส่ซอสกันค่ะ ชนิทเซิล หมายถึงเนื้อที่ถูกทุบให้บางลงด้วยค้อนทุบเนื้อแล้วนำไปทอดด้วยน้ำมันหรือไขมันสัตว์ โดยทั่วไปมักจะหมายถึงเนื้อที่ชุบแป้งและเกล็ดขนมปังทอด ชนิทเซิลมีต้นกำเนิดมาจากประเทศออสเตรีย ชนิทเซิลแบบชุบเกล็ดขนมปังเป็นที่นิยมในหลายประเทศทั่วโลก สามารถใช้เนื้อลูกวัว เนื้อแกะ เนื้อวัว ไก่งวง เนื้อกวางเรนเดียร์ และเนื้อหมูในการทำ  และต้นตำรับออสเตรียคือ วีเนอร์ชนิทเซิล (Wiener Schnitzel) ซึ่งมีประวัติย้อนไปถึงปี ค.ศ. 1845  ทำมาจากเนื้อลูกวัว เสิร์ฟพร้อมด้วยเลมอนฝานและสลัดมันฝรั่ง พร้อมทั้งใบพาสลีย์และเนย วีเนอร์ชนิทเซิลได้รับการคุ้มครองการตั้งชื่อจากแหล่งกำเนิด (พีดีโอ) ในประเทศออสเตรียและเยอรมนี โดยต้องทำจากเนื้อลูกวัวเท่านั้น ถึงจะได้รสชาติแบบต้นตำหรับแท้ๆเลยค่ะ

8. คเนดลิกี้ knedlik  กรุงปราค

คเนดลิกี้ knedlik  กรุงปรากอาหารขึ้นชื่อของกรุงปรากนั้นจะเป็นอาหารแบบชาวโบฮีเมียน โดยมีหมูแฮมที่จะกลิ่นที่ข่อนข้างแรง แต่ก็เป็นอาหารยอดนิยม ที่เมื่อเดินทางเยือนถึงปรากแล้วต้องไม่พลาดที่จะชิม นั้นคือ  คเนดลิกี้ knedlik หรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า “dumplings” หน้าตาคล้ายแป้งซาลาเปา เวลาเสิร์ฟ จะหั่นเป็นแว่น ๆ แล้วราดด้วยครีมหวานหรือ “smetana” หรือกินกับอาหารอื่น ๆ เช่น  mard arsky gulas (ฮังกาเรียน กูลาส) ข้อควรระวังเวลากินคเนดลิกี้ คือ กินมากอาจจุกเสียดได้  คเนดลิกี้มีหลายชนิด แบบท็อปฮิต ได้แก่ ovocne knedliky สอดไส้ผลไม้ แบบ bramborove knedliky ทำจากมันฝรั่ง houskove knedliky เป็นคเนดลิกี้สีขาว และเป็นอาหารประจำบ้าน ยังมี svestkove knedliky ทำจากลูกพลัม ซึ่ง ชาวเอเชียอย่างเราอาจไม่ถูกปากกับคเนดลิกี้มากนักเพราะค่อนข้างที่จะมีกลิ่นแรง แต่ถ้ามาถึงที่แล้วก็ต้องลองของกินพื้นบ้าน ถ้ากินยากนัก แนะให้ดื่มควบคู่กับเบียร์ ถือว่าครบสูตรชาวเชก เมื่อพูดถึงเบียร์ คอเบียร์ต้องไม่พลาดเบียร์ยี่ห้อ starobrno ซึ่งดัง รสออกค่อนข้างหวาน เหมาะกินแกล้มกับ knedliky มาก ๆค่ะ

9. สเต็กปลาทอดและมันฝรั่งทอด Fish and Chips

เหตุที่เมนูนี้ ติดอันดับอาหารที่ต้องไปทานเมื่อไปถึงอังกฤษ ก็เพราะว่าเมนู สเต็กปลาทอดและมันฝรั่งทอด (ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศอังกฤษ จนหลายคนบอกว่านี่เป็นอาหารประจำชาติไปแล้ว เป็นเมนูที่ร้านอาหารทุกที่จะต้องมีไว้เป็นอันดับต้นๆ และความอร่อยอยู่ที่เนื้อปลาสด ที่ผ่านการทอดจนข้างนอกกรอบ ข้างในเนื้อนุ่มมีรสหวานของปลาอ่อน ๆ เมื่อทานคู่กับมันฝรั่งทอดจิ้มซอสมะเขือเทศ หรือซอสสูตรพิเศษที่ทางร้านเตรียมไว้ให้ก็ยิ่งจะเพิ่มความอร่อยมากขึ้นไปอีกค่ะ

10. ปาเลรา paella

ปาเลรา paella หรือที่รู้จักกันดีในชื่อข้าวผัดสเปน ประเทศสเปนมีอาหารประจำชาติอย่างหนึ่งชื่อว่า paella อ่านว่า ปาเลรา อาหารจานนี้ต้องบอกว่าหากไปถึงดินแดนคนสู้วัวแห่งนี้ต้องลองเท่านั้น อาหารจะประกอบไปด้วยข้าวที่นำไปหุงให้สุก เนื้อสัตว์ เครื่องเทศ ราดด้วยน้ำสต็อก เป็นเมนูที่ผัดในกระทะแบนใหญ่ อัดแน่นด้วยซีฟู้ด ส่วนผสมส่วนใหญ่จะเน้นมะเขือเทศสับ หอมใหญ่ ใบไทม์ พริกหยวก ข้าวผัดสีเหลืองจัดตัดกับเหล่าซีฟู้ด กุ้งหอย ปู ปลา จัดจานมาเสิร์ฟ เห็นแล้วหิวกันเลยค่ะ 

11. หมูหันสเปน Cochinillo Asada

มาถึงถิ่นที่นี่ต้องได้กินเมนูแนะนำอย่าง หมูหันสเปน  รสชาติความอร่อยไม่แพ้กับหมูหันจากจีนเลยล่ะค่ะ ด้วยรสชาติที่ละมุนลิ้น หนังกรอบ ย่างเตาถ่านร้อนๆ เป็นอาหารจานหลักที่อร่อยแนะนำว่าต้องทาน ค่ะ ความโดดเด่นของหมูหันสเปนไม่ใช่แต่เพียงรสชาติที่กรอบละมุนลิ้นเท่านั้นแต่ยังเป็นวิธีการหั่นหมูของเชฟที่ใช้จานในการหั่นชิ้นส่วนของหมูและเมื่อหั่นเสร็จแล้วจะโยนจานลงพื้นให้แตก เรียกได้ว่าเป็นเสน่ห์อีกอย่างของสเปนเลยก็ว่าได้ค่ะ  และสำหรับเมนูหมูหันสเปนมีวางจำหน่ายตามร้านภัตตาคารทั่วไปในกรุงมาดริด เมืองหลวงของสเปน แนะนำรับประทานคู่กับไวน์ รับรองว่าจะได้รับความฟินจนอยากจะกลับไปทานเรื่อย ๆเลยล่ะค่ะ